สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทย โดยมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 200,000 ล้านบาทต่อปี และมีสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ผลไม้ สดแช่เย็น-แช่แข็งและแห้ง ปลาสดแช่เย็น-แช่แข็ง กุ้งสดแช่เย็น-แช่แข็ง ปลาหมึกสดแช่เย็น-แช่แข็ง กล้วยไม้ สัตว์น้ำ จำพวกครัสตาเซีย และตะพาบน้ำ เป็นต้น
ขณะนี้ผลไม้ไทยกำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีนอย่างมาก ทำให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้คุณภาพดีไปจีนได้ปีละกว่า 5,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่ามูลค่าส่งออกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากกระทรวง เกษตรฯ เร่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า และความปลอดภัยทางอาหารให้กับผู้นำเข้า ซึ่งเป็นช่องทางที่จะช่วยขยายตลาดส่งออกผลไม้ไทยในจีนได้เพิ่มมากขึ้น
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตร และอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำกรุงปักกิ่ง ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดโรดโชว์ ศักยภาพผลไม้เมืองร้อนของไทยได้แก่ ทุเรียน มังคุด ลำไย เงาะ ลองกอง ส้มโอ และ กล้วยไข่ ที่ตลาดขายส่งสินค้าเกษตรซินฟาตี้ ณ กรุงปักกิ่ง ภายใต้ ชื่อ “ผลไม้มงคล สดจากไทยปลอดภัยได้มาตรฐานสากล”
การจัดโรดโชว์ครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดเวทีให้ผู้ส่งออกผลไม้ของไทยได้พบปะกับผู้นำเข้าและลูกค้าชาวจีนที่มาซื้อผลไม้ ณ ตลาดผลไม้กรุงปักกิ่ง ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งผลการจัดงานปรากฏว่าได้รับความสนใจจากผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง-ค้าปลีก และผู้บริโภคชาวจีนเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันรัฐบาลจีนอนุญาตให้นำเข้าผลไม้ไทย จำนวน 23 ชนิด สำหรับผลไม้ที่ได้รับความนิยม ได้ แก่ ทุเรียน มังคุด ลำไย กล้วยไข่ ชมพู่ทับทิมจันทร์ มะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะโรงเรียน ส้มโอ มะขามหวาน มะพร้าวน้ำหอม ส้ม เปลือกล่อน น้อยหน่า และแก้วมังกร นอกจากนั้นยังมีผลไม้แปรรูปหลายชนิดกำลังเป็นที่นิยมด้วย อาทิ ลำไยอบแห้ง ทุเรียนทอดกรอบ กล้วยอบกรอบ ขนุนและสับปะรดอบกรอบ เป็นต้น
ประเทศไทยได้เปิดช่องทางขนส่งสินค้าผลไม้ไปจีนเส้นทางใหม่ คือ เส้นทาง R9 จากจังหวัดมุกดาหารผ่านลาว เวียดนาม เข้าสู่ด่านโหย่อี้กว่าน เมืองผิงเสียง มณฑลกวางสีของจีน ระยะทางรวมประมาณ 1,200 กิโลเมตร ซึ่งการลำเลียงสินค้าไปยังปลายทางจะใช้ระยะเวลาสั้น ประมาณ 2-3 วัน ทำให้ชาวจีนที่อยู่ห่างไกลมีโอกาสบริโภคผลไม้ไทยที่ยังสด ใหม่ รสชาติดี และคงคุณค่าทางโภชนาการที่สมบูรณ์เหมือนกับสินค้าที่คน ไทยได้บริโภค อนาคตคาดว่าการเปิดเส้นทาง R9 จะช่วยให้ไทยสามารถกระจายสินค้า ผลไม้และสินค้าเกษตรอื่น ๆ ไปจีนได้เพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท
นางสาวเมทนี สุคนธรักษ์ ผอ.สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การเยือนจีนครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรค (AQSIQ) แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยฝ่ายไทยขอให้ AQSIQ มั่นใจในสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยโดยเฉพาะผลไม้
นอกจากนั้น AQSIQ ยังได้เสนอ ให้มีการทำความร่วมมือในการขนส่งสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 1 เส้นทาง คือ เส้นทาง R3 ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดเชียงรายไปยังมณฑลยูนนานของจีน ซึ่งการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางนี้ จะทำให้เกิดการค้าสินค้าผักและผลไม้ระหว่างกันเพิ่มมากขึ้นและทั้ง 2 ฝ่ายยังได้หารือถึงแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช พร้อมพิจารณาความก้าวหน้าเรื่องคงค้างระหว่างกัน
หลังเปิดเขตเสรีทางการค้าหรือ เอฟทีเอ (FTA) ระหว่างไทย-จีน ที่มีการปรับ ลดภาษีนำเข้าตามข้อตกลงเหลือร้อยละ 0 ส่งผลให้มีการขยายการค้าสินค้าผักและผลไม้ เพิ่มขึ้น โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า และการเปิดใช้เส้นทาง R9 ขนส่งสินค้า ผลไม้ทางบกไปยังจีนจะเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยกระจายสินค้าผลไม้ไปจีนได้เพิ่มมากขึ้นและรวดเร็วด้วย โดยเฉพาะช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดกระจุกตัวมาก คาดว่าจะสามารถช่วยระบายสินค้าออกจากแหล่งผลิตและช่วยลดปัญหาสินค้าล้นตลาดได้
ข้อมูล เดลินิวส์