มะเขือ (Eggplant / Aubergine)
มะเขือที่นิยมปลูกและที่ซื้อขายกันทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ Solanum melongena ในสายพันธุ์เดียวกันนี้ยังมีพันธุ์ย่อยๆ มะเขือต่างพันธุ์จึงมีรูปร่าง ขนาด และสีสันแตกต่างกันไปมาก รูปทรงมีทั้งยาว รีแบบไข่ กลม กลมแป้น และแบบหลอดไฟ สีก็มีทั้งเขียว ขาว ม่วง เหลือง ขนาดมีทั้งเล็กเท่าไข่นกกระทา จนถึงที่ใหญ่กว่าหลอดไฟฟ้าตามบ้าน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันอิทธิพลลัทธิการค้าทำให้ความหลากหลายของมะเขือลดลงเหลือเพียงไม่กี่พันธุ์ที่ต่างประเทศคุ้นเคยกัน ได้แก่ มะเขือม่วงพันธุ์โตในตะวันตก และมะเขือม่วงยาวในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งบางทีเรียกมะเขือญี่ปุ่น หรือมะเขือจีน
ปัจจุบันนี้มีแต่เมืองไทยเท่านั้น ที่ยังคงความหลากหลายของพันธุ์มะเขือไว้ได้จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของต่างประเทศ เฉพาะในสายพันธุ์ Solanum Melongena เราก็ยังมีมะเขือหลากหลายชนิดให้กิน เช่น มะเขือเปาะ มะเขือยาว มะเขือม่วง มะเขือจาน มะเขือขื่น มะเขือไข่ เป็นต้น
มะเขือ..สุดยอดอาหารสมอง
เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยปกป้องสมองจากการถูกทำลาย จึงควรรับประทานทั้งเปลือกเพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากสารมหัศจรรย์ดังกล่าวแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี มีธาตุเหล็กและแคลเซียมบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นมะเขือยังช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย จึงน่าทึ่งในภูมิปัญญาของคนไทยที่นิยมใส่มะเขือลงไปในแกงกะทิต่างๆ อย่างเช่น แกงเขียวหวาน เป็นต้น
ตรวจสอบคุณค่าทางโภชนาการจากมะเขือ
การปลูกมะเขือม่วงญี่ปุ่น
1. การเตรียมแปลงและหลุมปลูก
ไถพรวนตากดิน 7 วัน ก่อนทำการยกแปลงควรหว่านโดโลไมท์ หรือปูนขาวในอัตรา 100 กิโลกรัมต่อ 1 ไร่ หรือตามสภาพดิน และอาจใช้ปุ๋ยอินทรีย์หว่านหลังแปลง ในอัตรา 100 – 200 กก./ไร่ การขึ้นแปลงควรทำหลังแปลงปลูกกว้าง 100-120 ซม. ร่องทางเดินกว้าง 100 ซ.ม. ระยะปลูกระหว่างต้น 100 ซม. พื้นที่ 1 ไร่ จะทำการปลูกได้ประมาณ 800 ต้น
2. การปลูก
ปลูกแบบแถวเดี่ยวขุดหลุมรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ และฟูราดานคลุกเคล้าให้เข้ากันและปักไม้หลัก(ไม้หลักควรมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ) รดน้ำในหลุมปลูกเมื่อน้ำซึมจนหมดแล้วจึงทำการปลูกโดยให้สูงกว่าหลังแปลง 1-2 นิ้ว และห่างจากไม้หลัก 2 นิ้ว การปฏิบัติดูแลรักษาช่วงหลังการปลูก โดยปลูกให้สูงกว่าหลังแปลง 1-2 นิ้ว และ ห่างจากไม้หลัก 2 นิ้ว ควรปฏิบัติดูแลรักษาช่วงหลังการปลูก เช่น การให้น้ำ ให้ปุ๋ย การฉีด พ่นสารเคมี
3. การปฏิบัติดูแลรักษา
หลังจากดอกแรกบานให้ทำการเด็ดกิ่งแขนง โดยเว้นกิ่งแขนงใต้ดอกแรกไว้ กิ่งแขนงถัดมาให้เด็ดออกให้หมด
4. การเก็บเกี่ยว
หลังการย้ายปลูกลงแปลงแล้วประมาณ 45-50 วัน จึงเริ่มทำการเก็บเกี่ยวโดยทำการเก็บผลผลิตทุกวัน อายุการเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุดจะนาน 4 เดือน หากใส่ใจดูแลและมีการจัดการแปลงที่ดีจะสามารถให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 5,000- 7,000 กิโลกรัม
5. ต้นทุนต่อไร่
เฉลี่ยประมาณ 15,000 บาท หากใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารชีวภัณฑ์ร่วมกับปุ่ยและสารเคมีก็จะช่วยควบคุมต้นทุนได้
**สนใจปลูกมะเขือม่วงญี่ปุ่น หรือต้องการคำแนะนำในการปลูก กรุณาติดต่อ บริษัท เอช ซี ซัพพลาย จำกัด โทร. 053-952256-7
1 comments:
Hello, I like this blog.
Sorry not write more, but my English is not good.
A hug from Portugal
Post a Comment
เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น