ผักพื้นบ้านและสมุนไพรไทย นับเป็นภูมิปัญญาไทยชั้นเลิศที่ช่วยรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ห่าง ไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ดังนั้น ในยุคที่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่กำลังระบาดไปทั่ว แถมยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รศ.ดร.พร้อมจิต ศรลัมพ์ เภสัชกรหญิงแห่ง ม.มหิดล จึงออกมาแนะนำให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่แล้ว โดยนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทาน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง และยังต้านภัยไข้หวัดได้อีกต่างหาก
รศ.ดร.พร้อมจิตเผยว่า คนไทยเรานั้นโชคดีที่มีความหลากหลายทางทรัพยากรและภูมิปัญญา ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมาก่อน และร่างกายเราเองก็ไม่รู้จัก ในทางทฤษฎีการแพทย์แผนไทยเน้นการป้องกันก่อนเกิดโรค การบริโภคพืชผักและสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรค (แอนตี้ออกซิเดนท์) จึงถือเป็นการป้องกันจากภายใน โดยเข้าไปช่วยการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับเม็ดเลือดขาว ซึ่งคนโบราณมีวิธีแยกความแตกต่างและคุณประโยชน์ของผักและสมุนไพรพื้นบ้าน จากสี กลิ่นและรสชาติ อาทิ หอมแดง จะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ส่วนผักที่มีรสเปรี้ยว ฝาด จะมีกรดวิตามินซีสูง เพิ่มความต้านทานไข้หวัด
สำหรับพืชผักที่ควรนำมาบริโภคในช่วงไข้หวัดระบาดนี้ ได้แก่ กลุ่มผักมีสี อาทิ กระเจี๊ยบแดง มะเขือเทศ มะละกอ กลุ่มที่มีกลิ่นหอม อาทิ หอมแดง กระชาย มะตูม กลุ่มที่มีรสเปรี้ยว อาทิ สมอ มะขามป้อม ส่วนที่มีรสเผ็ดร้อน อาทิ ขิง ขมิ้น โหระพา กะเพรา กลุ่มที่มีรสฝาด อาทิ สมอไทย สมอพิเภก ชาเขียว สำหรับรสขม ได้แก่ สะเดา เพกา ซึ่งมีวิตามินซีสูงมาก และเมนูที่น่าจะเป็นที่ถูกใจแม่บ้านยุคใหม่ที่คำนึงถึงเรื่องความสวยความงามของร่างกาย คือกลุ่มเมนูยำผักสมุนไพรต่างๆ เพราะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญใช้เวลาในการปรุงไม่มาก แถมให้รสชาติถูกปาก คือมีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม กลมกล่อม ซึ่งควรจะ บริโภคเมนูยำผักสมุนไพรเป็นประจำทุกวัน เพราะนอกจากจะมีวิตามินซีสูงต้านทานไข้หวัดแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดมะเร็ง อันจะเป็นผลดีในระยะยาว
ข้อมูล หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 1 กันยายน 2552
0 comments:
Post a Comment
เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น