การเตรียมพื้นที่สำหรับทำแปลงเกษตรอินทรีย์เมื่อพิจารณาคำพูดของคนสมัยโบราณซึ่งมักจะกล่าวเอาไว้เสมอว่า “จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน” ชี้ให้เห็นว่าดินเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของการเกษตร จึงต้องมีการวางแผน ปรับปรุงดินให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับพืชที่จะปลูก
หลักการผลิตพืชอินทรีย์มาตรฐานของประเทศไทย
กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศใช้ข้อกำหนดที่เป็นแนวทางการผลิตพืชอินทรีย์ตามมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ไว้สำหรับเกษตรกรหรือองค์กรที่ประสงค์จะผลิตพืชอินทรีย์ให้ได้การรับรอง โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. การคัดเลือกพื้นที่ตั้งฟาร์มเกษตรอินทรีย์
การเลือกตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่สำหรับจัดทำเป็นแปลงเกษตรอินทรีย์เพื่อจะขอการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์มีข้อปฏิบัติดังนี้
(1)กรณีเป็นผู้ที่บุกเบิกใหม่ไม่เคยทำการเกษตรมาก่อนในระยะเวลาย้อนหลัง 5 ปี สามารถใช้เป็นพื้นที่ผลิตพืชอินทรีย์ได้ทันที สำหรับพื้นที่ปลูกไม้ผลยืนต้นต้องไม่ใช้สารเคมีการเกษตรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 ปี และพื้นที่ปลูกพืชล้มลุกต้องไม่ใช้สารเคมีการเกษตรอย่างน้อย 1 ปี
(2)พื้นที่ตั้งต้องอยู่ห่างจากถนนสายหลักและห่างจากพื้นที่การเกษตรที่ใช้สารเคมี ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและลดโอกาสการปนเปื้อนสารเคมีจากทางอากาศ ทางดิน และทางน้ำ
(3)คุณภาพดินต้องเหมาะสมสำหรับการปลูกพืช และมีแหล่งน้ำสะอาดที่เพียงพอ โดยปราศจากการปนเปื้อนสารเคมีในกิจกรรมการเกษตร
2. แหล่งน้ำที่ใช้ในฟาร์มเกษตรอินทรีย์
(1)เป็นแหล่งน้ำที่สะอาด ไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีที่เป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์
(2)ควรเป็นแหล่งน้ำจากบ่อบาดาล หรือแหล่งน้ำที่กักเก็บจากน้ำฝนธรรมชาติ มีพื้นรองรับน้ำสะอาด ปราศจากกิจกรรมใดๆ ที่ใช้สารเคมีในพื้นที่รับน้ำอยู่ห่างจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลภาวะอันเป็นพิษปนเปื้อนในแหล่งน้ำ
(3)ในกรณีใช้น้ำจากแม่น้ำ น้ำจากคลองชลประทาน ต้องเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจวิเคราะห์หาสารพิษปนเปื้อนก่อนที่จะนำไปใช้ในการผลิตพืชอินทรีย์
3. การบริหารจัดการฟาร์มเกษตรอินทรีย์
(1)มีวิธีการป้องกันการปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นพิษทั้งทางดิน น้ำและอากาศ
(2)มีวิธีการจัดการและกำจัดของเสียภายในฟาร์ม
(3)มีวิธีป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีในกระบวนการผลิต การเก็บรักษาและการขนส่งไปสู่ตลาด
(4)ต้องมีการวางแผนการผลิตพืชตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยว การกำหนดพื้นที่เพาะปลูกและชนิดพืชที่ปลูกควรมีความต้านทานต่อการทำลายของแมลงศัตรูพืช
(5)การใช้ปัจจัยการผลิต ไม่ใช้สารเคมีเกษตรทุกชนิดที่ได้จากการสังเคราะห์โดยมนุษย์ในทุกขั้นตอนของการผลิต เก็บเกี่ยว เก็บรักษา และการขนส่ง
(6)ต้องมีการป้องกันไม่ให้เครื่องจักร เครื่องมือการเกษตรปนเปื้อนสารเคมีเกษตร
(7)มีการบันทึกกิจกรรมการเกษตรในฟาร์มทุกกิจกรรม เช่น แหล่งที่มาของเมล็ด พันธุ์พืช ปัจจัยการผลิต การบำรุงรักษา ป้องกัน กำจัดแมลงศัตรูพืช ฯลฯ เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลกิจกรรมการเกษตรย้อนหลังได้อย่างถูกต้อง