แตงกวา
แตงกวามีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย มีการบันทึกประวัติการปลูกมากกว่า 3,000 ปี และมีการปลูกในประเทศแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อก่อน 2,000 ปี โดยนำผ่านเอเชียกลางและตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ในศตวรรษที่ 6 ได้นำไปปลูกในประเทศจีน สันนิษฐานว่าได้นำเข้าประเทศจีน 2 ทาง คือ เส้นทางสายไหม โดยผ่านประเทศในเอเซียตะวันออกไปภาคเหนือของประเทศจีน ส่วนอีกเส้นทางโดยผ่านประเทศในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ พม่า ไทย ลาว ไปสู่ทางภาคใต้ของประเทศจีน ในศตวรรษที่ 9-14 ได้นำไปปลูกในทวีปยุโรป และได้รับการพัฒนาพันธุ์ต้นศตวรรษที่ 19 ได้รับการพัฒนาพันธุ์ให้เหมาะสมต่อการปลูกได้ในโรงเรือน ศตวรรษที่ 15-16 ได้นำไปปลูกในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาเหนือ และได้รับการพัฒนาพันธุ์อย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันแตงกวาเป็นผักที่นิยมบริโภคทั่วโลก ทั้งในสภาพการบริโภคสดและแปรรูป
การจำแนกแตงกวา
2. พันธุ์อุตสาหกรรม เป็นพันธุ์ที่มีเนื้อหนา ไส้เล็ก บางพันธุ์ก็ไม่มีไส้เลย เปลือกสีเขียวเข้ม เมื่อนำไปดองจะคงรูปร่างได้ดี ไม่ค่อยเหี่ยวย่น แตงกวาพันธุ์นี้มักจะเป็นลูกผสม ผลมักมีรูปร่างผอมยาว ซึ่งแบ่งตามขนาดได้ดังนี้
สำหรับแตงกวาของบริษัท เอช ซี ซัพพลาย จำกัด เป็นแตงกวาพันธุ์ Anaxo ใช้สำหรับทำแตงกวาดอง
คุณค่าทางโภชนาการ
ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียมฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน วิตามินซี และมีเอนไซม์ชื่อ อีเร็ปซิน (erepsin) มีกรดอะมิโนหลายชนิดและมีสารสำคัญ เช่น คิวเคอร์บิทาซินซี (Cucurbitacin C.) มีปริมาณสารซิลิคอนและฟลูออไรด์สูง มีสารสเตอรอล (sterol) ซึ่งมีมากที่ผิวเปลือกของแตงกวา
แตงกวามีพลังงานและสารอาหารน้อยมาก ไม่มีไขมัน และไม่มีคอเลสเตอรอล จึงเหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก
ประโยชน์ที่มากกว่าอาหาร
ผลและเมล็ดอ่อน
วิตามินบี 1 ช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยความจำ ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหายน้ำ
สารคิวเคอบิทาซินซี (Cucurbitacin C.) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา
เอนไซม์อีเร็ปซิน (erepsin) ทำให้ผิวขาวใสนุ่มนวล ลดการเหี่ยวย่น เพราะเอนไซม์ดังกล่าวจะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้านให้หลุดออกไป ทำให้ผิวนุ่ม
กรดอะมิโน วิตามิน และเกลือแร่ มีสรรพคุณในการรักษาความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง คืนความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (natural moisturizing) ให้กับผิวหน้า แต่ไม่ทำให้หน้ามัน ทั้งยังมีฤทธิ์กระชับรูขุมขนทำให้ผิวนวนเนียน ลดการเกิดสิว ทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ แตงกวาจึงเหมาะจะเป็นเครื่องสำอาง พอกหน้าของคนเป็นสิว
นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงผมและเล็บ ในตำรายาแผนไทยใช้บรรเทาอาการไอ ฟอกเลือด ลดความร้อนออกจากร่างกาย มีคำแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเกาต์ และบวมน้ำดื่มน้ำคั้นจากแตงกวาเป็นประจำ
สารสเตอรอล (sterol) ช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
ใบและเมล็ดแก่
สามารถใช้เป็นยาขับพยาธิ
รากแตงกวา
ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา มีโดยให้ใช้รากสด 1 กำมือ นำมาล้างให้สะอาด นำไปต้มกับน้ำ โดยให้ใส่น้ำแต่พอท่วม จากนั้นรินเอาแต่น้ำที่ได้มาดื่ม วันละ 3-4 ครั้งๆละ 1 แก้ว
อ้างอิง : บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร, การปลูกแตงกวา
1 comments:
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
Post a Comment
เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น